จากงานวิจัยทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับ “โรคอ้วน” คนเป็นโรคอ้วนส่วนใหญ่เป็นประเภทที่มีไขมันในร่างกายมากเกินไป

ซึ่งในผู้ชายจะหมายถึงการมีเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายมากกว่า 20% และผู้หญิงจะมีเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายมากกว่า 30% ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของกระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย ทำให้เกิดการสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องหรือพุง ส่งผลให้รอบเอว cm ใหญ่ขึ้น

โรค อ้วน-ลักษณะ อ้วน ลงพุง

โรคอ้วนเกิดจากอะไร และมีอาการอะไรบ้าง?

โรคอ้วนลงพุงมักไม่มีอาการของโรคให้เราสังเกตเห็นได้ แต่จะมีขนาดเอวที่ใหญ่ขึ้นปรากฏได้อย่างชัดเจน เพราะการสั่งสมของไขมันจำนวนมาก ซึ่งทำให้การเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายนั้นที่ผิดปกติ และควรหลีกเลี่ยง อาหาร ที่ทําให้มีพุง เพราะในเวลาเดียวกันนั้น อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน

อย่างไรก็ตาม โรคอ้วนลงพุงยังเพิ่มระดับไขมันในเลือด อาจส่งผลให้ร่างกายของเรามีการความผิดปกติ และหากเราปล่อยทิ้งไว้นานๆ โดยไม่รักษา จำทำให้ผนังของหลอดเลือดแดงหนาขึ้น ทำให้เลือดในร่างกายของเราไปเลี้ยงในส่วนของกล้ามเนื้อหัวใจลดลงและอาจนำไปสู่โรคหัวใจที่ร้ายแรงได้

เพราะฉนั้นเราต้องใส่ใจในเรื่องของสุขภาพ ซึ่งอาหารสำหรับโรคอ้วนก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราต้องเลือกรับประทานให้ถูกต้องตามมาตรฐานโภชนาการโรคอ้วน จะทำให้รอบเอว ซม และขนาด bmi มาตรฐาน

โรคอ้วนลงพุงเกิดขึ้นได้อย่างไร และอ้วนลงพุงลดยังไงให้ได้ผล?

โรคอ้วนลงพุงนั้นเกิดจากหลากหลายสาเหตุมากมาย ไม่ว่าจะมาจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ การทำงานผิดปกติของฮอร์โมน อาหารที่มีแคลอรีสูง และการขาดการบริหารร่างกาย ซึ่งวิธีลดอ้วนลงพุงนั้นมีอยู่หลากหลายวิธี เช่น การความคุมอาหารและคำนวณอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน ให้เหมาะสมกับค่ามาตรฐาน bmi ที่เป็น BMI แปลผลโดยคำนวณตามส่วนร่างกายแต่ละคน

Bmi คำนวณ อย่างไร?

ตาราง BMI ชาย และหญิงอาจกล่าวถึงการ คำ น วน BMI คือ Body Mass Index (BMI) มีสูตรตรวจ BMI แบ่งเพศ โดยการคำนวณ = น้ำหนักตัว[Kg] / (ส่วนสูง[m] ยกกำลังสอง) ซึ่งวิธีนี้ใช้ได้สำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้นนะคะ เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จะไม่สามารถแปล ผล BMI ได้

นอกจากนี้ภาวะดื้ออินซูลินและระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็ทำให้เป็นโรคอ้วนลงพุงได้เหมือนกัน แถมยังไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 อีกด้วย

อ้วน ลงพุง ผู้หญิง-กินของจุกจิก

ทุกวันนี้ คนไทยกว่า 30% ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปเสี่ยงต่อโรคอ้วนลงพุงเป็นอย่างมาก  ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนแล้ว ประเทศไทยมีค่าดัชนีมวลกายเฉลี่ย (BMI) อยู่ที่ ≥25 ที่ 32.2% สูงเป็นอันดับสองเลย ทำให้อัตราโรคอ้วนเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งผู้หญิงมักจะมีปัณหาเกี่ยวกับการอ้วนลงขาเกิดจากการรับประทานอาหารจำพวกไขมัน เช่น เนื้อติดมัน ไส้กรอก แฮม เบคอน เนย ซีส อาหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูโปรดของสาวๆหลายคน ดังนั้นคุณผู้หญิงทั้งหลายต้องคำ น วน สาร อาหาร ที่ควรได้รับให้พอเหมาะพอดีกับ BMI แปลผล เพื่อประโยชน์ต่อร่างกาย จะส่งผลให้คุณมีรูปร่าง เอว ผู้หญิง มาตรฐาน และสัดส่วนที่สวยงาม

เพื่อลดปัญหา การปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตให้เป็นมิตรต่อสุขภาพเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม หรืออาจเริ่มต้นด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างการเลือกรับประทานอาหารเสริมก็เป็นทางแก้ปัญหาที่ดีไม่ใช่น้อย

วิธีการรักษา โรค อ้วน?

เพื่อแก้ปัญหาโรคอ้วนลงพุง มีหลากหลายวิธี ซึ่งบางคนนั้นใช้วิธีลดความอ้วนแบบผิดๆ ส่งผลให้ร่างการเกิดภาวะ ขาด โภชนาการ ส่งผลให้สารอาหารไม่เพียงพอต่อดำรงชีวิตในแต่ละวัน

กิน อย่างไร ให้ ไกล โรค?

การรณรงค์ ลด ความ อ้วน หรือการขายผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความอ้วนนั้นบางตัวมีความเสี่ยงและอันตรายต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ฉะนั้นเราควรหันมาดูแลตัวเองด้วยวิธีง่ายๆ ใกล้ตัวก่อนเพียงแค่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ได้แก่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม นอกจากนี้ อาจแนะนำตัวเลือกการผ่าตัด เช่น การลดขนาดกระเพาะในบางกรณี

รหัสลับหลักโภชนาการ 2:1:1 เป็นยังไงมาดูกัน

เคยได้ยินคำนี้กันไหมคะว่า กินอาหารยังไงให้สุขภาพดี การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หรือการทานสารอาหารให้ครบถ้วนจะเป็นตัวช่วยทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วควรทานแบบไหนกันนะ คำตอบก็คือทานโดยใช้ภาวะโภชนาการหรือการแบ่งอาหารออกเป็นส่วนที่เหมาะสมนั่นเองค่ะ ซึ่งจะช่วยควบคุมไขมันเกินของร่างกายได้ แบ่งอาหารออกเป็นสี่ส่วนเท่าๆ กัน สองส่วนแรกเป็นผัก หนึ่งส่วนเป็นข้าวหรือแป้ง และอีกหนึ่งส่วนเป็นเนื้อสัตว์ โดยเลือกผลไม้ที่ไม่หวานมากเช่น ฝรั่ง ชมพู่ แก้วมังกร แอปเปิ้ล โดยทานครั้งละไม่เกินกำมือ และเมื่อมีอาการหิวแนะนำให้ดื่มนมสกัดถั่วเหลือง หรือนมถั่วเหลืองไม่หวานที่เหมือนนมสดค่ะ การทานอาหารตามหลักโภชนาการแบบนี้ ก็จะสามารถเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการดูแลสุขภาพของเราได้ค่ะ

ดื่มน้ำวันละเท่าไหร่จึงเพียงพอ?

ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของน้ำตามน้ำหนักตัว ดังนั้นเราควรดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย แต่เราควรดื่มน้ำเท่าไหร่ต่อวันเพื่อความเหมาะสม สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (NAS) และสถาบันแพทย์ (IOM) ได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดื่มน้ำไว้ ดังนี้

สิ่งสำคัญคือต้องคงไว้ซึ่งอาหารที่ดีต่อสุขภาพและสมดุลเพื่อป้องกันโรคอ้วนและปัญหาสุขภาพอื่นๆ สำหรับการดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงควรดื่มน้ำประมาณ 2.7 ลิตรหรือ 91 ออนซ์ต่อวัน ในขณะที่ผู้ชายควรดื่มน้ำประมาณ 3.7 ลิตรหรือ 125 ออนซ์ต่อวัน การดื่มน้ำให้เพียงพอสามารถช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้นและทำงานได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ การลดการบริโภคอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลยังสามารถช่วยรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้

กิน อาหาร ยัง ไง ให้ สุขภาพ ดี-รอบ เอว ซม ลด

หยุดพฤติกรรมการกินในตอนกลางคืน

สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อดึกและอาหารมื้อหนัก เพราะจะทำให้อ้วนได้ อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับวัยก็เป็นเรื่องที่สำคัญ หากคุณพบว่ามันยากที่จะต่อต้านการทานอาหารว่างตอนดึก คุณอาจลองพิจารณาการรับประทานตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผลไม้ เช่น ฝรั่งและแอปเปิ้ลแทน ผลไม้เหล่านี้เต็มไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นและสามารถช่วยตอบสนองความอยากของคุณโดยไม่ต้องเพิ่มแคลอรีที่ไม่จำเป็นในอาหารของคุณ โปรดจำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้สามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพโดยรวม และความเป็นอยู่ที่ดีของคุณได้

โรคอ้วนกับความดันโลหิตสูงเกี่ยวข้องกันอย่างไร?

โรคอ้วนลงพุงอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงหากยังปล่อยไว้โดยไม่แก้ไข การสะสมของไขมันในช่องท้องมากเกินไปสามารถเพิ่มความต้านทานต่ออินซูลินและอาจนำไปสู่โรคเบาหวานได้

นอกจากนี้ ระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตที่สูงอาจทำให้ไขมันสะสมในหลอดเลือดแดง เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดสมอง และยังสามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ โรคไต หรือโรคไขมันพอกตับ

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเพื่อลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนลงพุง

นอกจากนี้ ผู้ป่วยอ้วนลงพุงยังเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน โรคไต หรือโรคไขมันพอกตับ อีกด้วย

มาเช็ค “อ้วนลงพุง” สัดส่วนที่เหมาะสม เป็นแบบไหน?

การวัดไขมันหน้าท้องทำได้ง่ายๆ โดยวัดรอบ เอว ผู้ชาย มาตรฐาน ไม่ควรเกินขนาด เอว cm 90 หรือ 36 นิ้ว ส่วนเอว ผู้หญิง มาตรฐาน จะอยู่ที่ 80 ซม. หรือ 32 นิ้ว โดยเฉพาะบริเวณสะดือ หากการวัดเกินครึ่งหนึ่งของส่วนสูง แสดงว่าอ้วนลงพุง ตัวอย่างเช่น หากคุณสูง 160 ซม. รอบท้องของคุณไม่ควรเกิน 80 ซม. การตรวจสอบขนาดหน้าท้อง ด้วยรอบเอวมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งหากคุณมีความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง หรือระดับไตรกลีเซอไรด์สูง จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนลงพุง นอกจากนี้ ความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานจะเพิ่มขึ้น 3 ถึง 5 เท่า

พิชิตอ้วนลงพุงด้วยหลัก 3 อ. ห่างไกลจากโรคอ้วนลงพุง

อ – อารมณ์

อารมณ์อาจส่งผลต่อความอยากอาหาร ความหิว และน้ำหนักตัวของเรา ตัวอย่างเช่น เมื่อเรารู้สึกเครียด อาจนำไปสู่การกินมากเกินไปและอยากกินของหวาน นอกจากนี้ ความเครียดอาจทำให้หายใจตื้น ซึ่งจะจำกัดปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายได้รับ

เพื่อแก้ปัญหานี้ สิ่งสำคัญคือต้องฝึกเทคนิคการหายใจลึกๆ เพื่อชะลออัตราการเต้นของหัวใจและส่งเสริมออกซิเจนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดความดันโลหิต ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง และลดระดับความเครียดโดยรวม ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายเพื่อกำหนดเป้าหมายไขมันหน้าท้อง สิ่งสำคัญคือต้องมุ่งเน้นไปที่การควบคุมอารมณ์ของเราและสร้างเป้าหมายที่ทำได้เพื่อให้มีแรงจูงใจอยู่เสมอ

อ – อาหาร

เพื่อลดไขมันหน้าท้อง สิ่งสำคัญคือต้องมีนิสัยการกินที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยงอาหารให้พลังงานสูง อาหารรสจัด และเครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล และน้ำผลไม้บรรจุกระป๋องหรือบรรจุกล่อง การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาล น้ำมัน และเกลือสูงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ ลิ่มเลือด ความดันโลหิตสูง และมะเร็ง

แนะนำให้จำกัดการบริโภคน้ำตาลต่อวันไม่เกิน 6 ช้อนชา ไขมันไม่เกิน 6 ช้อนชา และเกลือไม่เกิน 1 ช้อนชา การรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อหรือเพิ่มของว่างยามบ่ายจะช่วยให้ร่างกายได้รับแคลอรี่ในปริมาณที่ต้องการในแต่ละวัน ตัวอย่างเช่น ผู้ชายต้องการพลังงานประมาณ 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน ในขณะที่ผู้หญิงต้องการพลังงาน 1,600 กิโลแคลอรี อาหารเย็นควรเป็นอาหารที่มีแคลอรีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับมื้ออื่นๆ

การแบ่งจานในอัตราส่วน 2:1:1 สามารถช่วยลดไขมันหน้าท้องได้ จานควรประกอบด้วยผักและผลไม้ 2 ส่วน ข้าวหรือแป้ง 1 ส่วน และเนื้อไม่ติดมันและพืชตระกูลถั่ว 1 ส่วน แนะนำให้ปรุงอาหารประเภทต้ม ตุ๋น นึ่ง ลวก ยำ หรืออบ และหลีกเลี่ยงการปิ้ง ย่าง คั่ว ผัด ทอด 

อ – ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยลดไขมันหน้าท้องได้อย่างมาก จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก แนะนำให้ทำกิจกรรมทางกายระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาที เช่น เดินหรือปั่นจักรยาน 10 นาทีขึ้นไป ขึ้นบันได เดินเร็ว ทำสวน และกิจกรรมประจำวันอื่นๆ นอกจากนี้ การออกแรงอย่างหนัก เช่น ขุด ผ่าฟืน ยกของหนัก วิ่ง เล่นกีฬา  อย่างน้อย 75 นาทีต่อสัปดาห์ก็มีประโยชน์เช่นกัน

การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถปรับปรุงสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีได้ สิ่งสำคัญคือต้องเคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ และออกแรงให้เพียงพอ แม้ว่าการเดินจะเป็นกิจกรรมที่สะดวก ปลอดภัย และประหยัด แต่อาจไม่เพียงพอต่อการลดน้ำหนัก ดังนั้น การออกกำลังกายประเภทอื่นๆ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ และการรับประทานอาหารที่สมดุลจึงเป็นสิ่งจำเป็น ด้วยการปรับพฤติกรรมง่ายๆ ของเรา เราสามารถกำจัดไขมันหน้าท้องและปรับปรุงสุขภาพของเราได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคอ้วนหรืออ้วนลงพุง

เกิดจากการมีน้ำหนักตัวเกิน โรคอ้วน การเคลื่อนไหวร่างกายน้อย ขาดการออกกำลังกาย และการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน

สามารถดื่มได้ ตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ ในปริมาณที่เหมาะสม

บริโภคไม่เกิน 2 ขวดต่อวัน เวลาเช้า กลางวัน ตามปริมาณที่ศูนย์ประเมินความเสี่ยงแห่งประเทศไทย ให้การรับรอง

ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย เนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ที่ปลอดภัย ปริมาณบริโภคไม่เกิน 2 ขวดต่อวัน และผลิตภัณฑ์ผ่านการวิจัยทาง clinic มีผลงานวิจัยรับรอง

ผู้ป่วยลักษณะ อ้วน ลงพุงจะไม่แสดงอาการใดๆ แต่จากการสะสมของไขมันในช่องท้องจำนวนมาก ทำให้เกิด พุง ลักษณะ ต่างๆ ส่งผลให้การผลาญน้ำตาลในร่างกายผิดปกติ เสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นตามมา

การรักษาภาวะอ้วนลงพุง คือ การลดน้ำหนักอย่างน้อย 5% โดยการออกกำลังกาย, ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารให้ถูกต้อง, การรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารและการดื่มผลิตภัณฑ์ Coffogenic Drink ที่ช่วยลดระดับไขมันสาเหตุของการเกิดโรคอ้วนลงพุง

แนะนำให้บริโภคประมาณ 3 เดือน เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

เกิดจากการมีน้ำหนักตัวเกิน โรคอ้วน การเคลื่อนไหวร่างกายน้อย ขาดการออกกำลังกาย และการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน

เกิดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจและหลอดเลือด

Coffogenic ไม่ได้เป็นยาที่รักษาทางการแพทย์โดยตรง แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ช่วยลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ในคนที่มีน้ำหนักเกิน ลดการเกิดภาวะอ้วนลงพุง

ผลิตภัณฑ์ Coffogenic มีสารออกฤทธิ์ที่สำคัญคือ กรดคลอโรจีนิค ซึ่งสารนี้จะช่วยลดการดูดซึมไขมันเข้าสู่ร่างกาย และทำงานในระบบเมตาบอลิกซึมหรือกลไกการเผาผลาญในร่างกาย ช่วยลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ในคนที่มีน้ำหนักเกิน

คือ ภาวะที่มีไขมันสะสมในร่างกายเพิ่มมากขึ้น โดยจะใช้ค่าร้อยละไขมันในร่างกาย > 20 ในชาย หรือ > 30 ในหญิง ภาวะไขมันสะสมอาจมาจากไขมันใต้ผิวหนังมากหรือจากไขมันในช่องท้องมาก

ช่วงอายุที่มีแนวโน้มการเกิดโรคอ้วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่วนมากจะเกิดจาก ผู้สูง อายุมีโรคอ้วน ร้อยละ 24.63 พบภาวะอ้วนลงพุง ร้อยละ 31.96 ช่วงอายุที่พบปัญหาโรคอ้วนมากที่สุดคือ 60-69 ปี

Coffogenic ไม่ได้เป็นยาที่รักษาทางการแพทย์โดยตรง แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันการเกิดภาวะอ้วนลงพุง