โดยในครั้งนี้ได้พบปะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่กาพอ และพี่ธัชชัย ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการปลูกกาแฟร่วมกับพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ได้แก่ กล้วยน้ำว้า อะโวคาโด ลูกพลับ เลมอน รวมถึงพืชท้องถิ่นอื่นๆ
ระบบการปลูกร่วม (Intercropping) ดังกล่าวเป็นแนวทางที่ใช้ทรัพยากรดินอย่างสมดุล เพิ่มร่มเงาในระยะเริ่มต้นของต้นกาแฟ ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในระบบราก ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) ลดปัญหาศัตรูพืช และเสริมความยืดหยุ่นของระบบการผลิตต่อความเสี่ยงจากภัยแล้งและโรคระบาดในอนาคต






นอกจากนี้ เกษตรกรยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาและศึกษาสายพันธุ์กาแฟอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนด้านองค์ความรู้จากศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรวบรวมและทดลองปลูกสายพันธุ์กาแฟที่หลากหลาย ซึ่งมีคุณลักษณะเฉพาะและศักยภาพที่แตกต่างกัน ได้แก่:
• คาติมอร์ (Catimor) – พันธุ์ที่มีความต้านทานโรคราสนิม (Hemileia vastatrix) และให้ผลผลิตสูง
• เกอิชา (Geisha) – สายพันธุ์หายากที่อยู่ระหว่างการวิจัยเพื่อศึกษาศักยภาพด้านรสชาติและความเหมาะสมกับพื้นที่สูงของไทย
• คาทูร่า (Caturra) – สายพันธุ์ที่พัฒนาจาก Bourbon ในประเทศบราซิล ให้ผลผลิตดีในพื้นที่ระดับความสูงปานกลางถึงสูง
• คาทุย (Catuaí) – พันธุ์ลูกผสมระหว่าง Mundo Novo และ Caturra มีลักษณะเด่นด้านผลผลิตสูงและทนต่อสภาพอากาศที่แปรปรวน
• เบอร์บอน (Bourbon) – หนึ่งในสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ได้รับการส่งเสริมตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดดเด่นด้วยรสชาติและความหวานธรรมชาติ
• เชียงใหม่ 80 – พันธุ์ที่พัฒนาโดยกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศภาคเหนือของประเทศไทย
อีกทั้งยังวางแผนแปลงต้นแบบ โดยเน้นกระบวนการคัดเลือกพันธุ์ภายในแปลง (On-farm Selection) เพื่ออนุรักษ์ลักษณะเฉพาะถิ่น และส่งเสริมความหลากหลายทางพันธุกรรม ซึ่งถือเป็นฐานสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการปรับตัวของกาแฟไทยต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว





