You are currently viewing กาแฟที่รักษ์โลก ต้องไม่ใช่แค่ปลูกต้นไม้เพิ่ม แต่คือการรักษาต้นไม้และความหลากหลายทางชีวภาพที่มีอยู่

กาแฟที่รักษ์โลก ต้องไม่ใช่แค่ปลูกต้นไม้เพิ่ม แต่คือการรักษาต้นไม้และความหลากหลายทางชีวภาพที่มีอยู่

กาแฟที่รักษ์โลกจริงๆ ต้องไม่ใช่แค่ปลูกต้นไม้เพิ่ม แต่คือการรักษาต้นไม้และความหลากหลายทางชีวภาพที่มีอยู่ (และทำให้กาแฟแก้วนั้นอร่อยที่สุด)

 

งานวิจัยล่าสุดจาก Smithsonian ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Communications Earth & Environment และเผยแพร่ผ่าน Daily Coffee News (27 ส.ค. 2025) ชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมกาแฟโลกอาจ “วางแรงจูงใจผิดทาง” เพราะมุ่งสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกต้นไม้ใหม่เพื่อเก็บคาร์บอน แต่กลับละเลยการรักษา ต้นไม้เดิมและฟาร์มกาแฟแบบร่มเงา (shade-grown coffee) ซึ่งแท้จริงแล้วมีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนมากกว่าการปลูกใหม่หลายเท่า [Daily Coffee News, 2025]

 

ผลการวิเคราะห์ระดับโลกชี้ว่า
     • หากแปลงกาแฟแบบโล่ง (full-sun) ถูกปรับให้มีการปลูกต้นไม้ จะสามารถกักเก็บคาร์บอนได้เพิ่ม 82–87 ล้านตัน
     • แต่หากฟาร์มกาแฟร่มเงาที่มีอยู่ถูกแปลงเป็น full-sun จะทำให้สูญเสียคาร์บอนมากถึง 174–221 ล้านตัน

 

ซึ่งสะท้อนชัดเจนว่า การรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและต้นไม้เดิม สำคัญกว่าเพียงการปลูกใหม่ [Smithsonian via Bioengineer.org, 2025]

Hillkoff: เราทำงานด้วยหลักคิดเดียวกันนี้

เราเชื่อมั่นว่ากาแฟที่ดีต้องเริ่มจากระบบนิเวศที่ดี ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาเกษตรกรรมกาแฟที่ไม่เพียงสร้างผลผลิต แต่ยังสร้างความสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

 

การปลูกพืชร่วม (Agroforestry):
สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกกาแฟควบคู่กับไม้พื้นถิ่น เช่น ต้นก่อ ต้นเนียง ต้นมะขามป้อม และต้นยางนา งานวิจัยด้านเกษตรเชิงวนกรรมระบุว่า ระบบเช่นนี้สามารถกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าระบบกาแฟเชิงเดี่ยว (Monoculture) หลายเท่า อีกทั้งยังช่วยอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ

 

เกษตรอินทรีย์ (Organic Farming):
การไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างดิน เพิ่มจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ และลดการปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยที่ชี้ว่า “ดินสุขภาพดี” ส่งผลโดยตรงต่อความหวานและความซับซ้อนของรสชาติผลกาแฟ

 

Closed Loop Carbon:
เรากำลังสร้างระบบปิดเพื่อจัดการคาร์บอนอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูก การแปรรูป ไปจนถึงการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต

 

ทั้งหมดนี้เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Neutral Carbon Coffee กาแฟที่มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และข้อตกลงปารีส (Paris Agreement)

 

รสชาติที่สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า

ทุกแก้วกาแฟ Hillkoff ไม่ได้อร่อยมาจากพันธุ์กาแฟเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ

     • ดินที่มีชีวิต: ดินอินทรีย์ที่มีจุลินทรีย์หนาแน่นช่วยปลดปล่อยแร่ธาตุและสารอาหาร ส่งผลให้ผลกาแฟมีความหวานและรสสัมผัสที่นุ่มนวล

     • ต้นไม้ร่มเงา: การปลูกกาแฟใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่สร้าง “Microclimate” หรือภูมิอากาศเฉพาะพื้นที่ ที่ทำให้ผลกาแฟเจริญเติบโตช้าลง แต่พัฒนารสชาติได้ลึกและซับซ้อนกว่า

     • สายน้ำจากภูเขา: น้ำสะอาดจากต้นน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่หล่อเลี้ยงไร่กาแฟและใช้ในการแปรรูป (Processing) ซึ่งงานวิจัยยืนยันว่าคุณภาพน้ำมีผลโดยตรงต่อความใสสะอาดและความหอมของกาแฟที่ได้

 

นี่คือเหตุผลที่กาแฟของเราไม่เพียงแต่หอมและอร่อย แต่ยัง สะท้อนความบริสุทธิ์ของธรรมชาติที่ผู้ดื่มสัมผัสได้จริง

 

ผู้บริโภค: พลังขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนแปลง

ทุกครั้งที่คุณเลือกดื่มกาแฟ Hillkoff คือการมีส่วนร่วมในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลก

     • สนับสนุนการรักษาป่าและความหลากหลายทางชีวภาพ

     • ช่วยสร้างระบบการผลิตที่กักเก็บคาร์บอนมากกว่าที่ปล่อยออกมา

     • และพิสูจน์ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมกาแฟสามารถเป็นส่วนหนึ่งของ Climate Solution ได้จริง ไม่ใช่เพียงปัญหา

 

เพราะกาแฟที่ดีที่สุด ไม่ได้เพียงสร้างรสชาติที่ปลายลิ้น แต่ยังส่งต่อความยั่งยืน และช่วยโลกได้จริง

Hillkoff Low Carbon Coffee  ดื่มอร่อย พร้อมช่วยโลก

 

 

 

 

 

อ้างอิง
• Daily Coffee News. (2025, August 27). Study Suggests Coffee Industry Has Been Incentivizing Carbon Storage All Wrong. https://dailycoffeenews.com/2025/08/27/study-suggests-coffee-industry-has-been-incentivizing-carbon-storage-all-wrong/
• Bioengineer.org. (2025). Smithsonian study finds carbon markets undervalue shade-grown coffee farms.