
จนพบว่ามีคลอโรจีนิก สารประกอบฟีนอลที่พบในกลุ่มพืชสีแดง มีคุณประโยชน์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ดักจับไขมัน ลดการอักเสบของ เซลล์ในร่างกาย
เมื่อนำมาทดลองกับหนูที่ขุนเลี้ยงให้อ้วนด้วยอาหารไขมันสูงมานาน 3 เดือน โดยให้กินสารสกัดเข้มข้นจากเปลือกกาแฟเชอร์รีวันละครั้ง ติดต่อกันนาน 1 เดือน พบว่าในระยะ 7 วันแรกหลังได้รับสารสกัดจากเปลือกกาแฟเชอร์รี หนูทดลองมีระดับคอเลสเทอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันแอลดีแอลในเลือดและภาวะตับอักเสบเริ่มลดลง
และเมื่อหนูทดลองได้สารสกัดครบ 30 วัน การดื้อต่ออินซูลินและเอนไซม์ตับอัน เป็นตัวการก่อให้เกิดโรคตับอักเสบที่เกิดภาวะอ้วนลดลง

และเมื่อหนูทดลองได้สารสกัดครบ 30 วัน การดื้อต่ออินซูลินและเอนไซม์ตับอัน เป็นตัวการก่อให้เกิดโรคตับอักเสบที่เกิดภาวะอ้วนลดลง
จากคุณประโยชน์นี้ นฤมล จึงเริ่มศึกษาอุตสาหกรรมการผลิตกาแฟจากหลายแห่ง พบว่าสารอาหารที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ยังไม่เคยมีที่ไหนทำมาก่อน จึงเป็นโอกาสดีของอุตสาหกรรมกาแฟไทยที่จะได้นำเปลือกกาแฟเชอร์รีมาแปรรูปเป็นสินค้าได้
ซึ่งผลกาแฟที่จะนำมาสกัดให้ได้สารสำคัญมากที่สุด ต้องเป็นผลที่มีสีแดง สุกแก่กำลังดี หลังเก็บเกี่ยวจากต้นต้องนำมาผ่านกระบวนการแปรรูปภายใน 6 ชม. ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เน่าเสีย

และหลังนำเมล็ดกาแฟทำความสะอาดสู่กระบวนการสี เพื่อให้เปลือกเชอร์รีหลุดออกมา ทำให้ช้ำเน่าเสียง่าย ต้องนำมาทำให้แห้งทันทีด้วยการอบลมร้อน 1 ชม. ตามด้วยนำเข้าอบในโดมพาราโบลาพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียสารสำคัญ
เปลือกเชอร์รีสด 300 ตัน อบแห้งสามารถนำมาแปรรูปสกัดเป็นคอฟโฟจินิคดริ้ง ขนาด 60 มล. ได้ 12,000 ขวด จำหน่ายในราคาขวดละ 59 บาท…
สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ถึงปีละ 700,000 บาท
ดีกว่าปล่อยทิ้งให้เป็นขยะไร้ค่าเป็นไหนๆ สนใจสอบถามได้ที่ 08-1671-0932.
เพ็ญพิชญา เตียว


ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/1795561?fbclid=IwAR3a3z8wEBh1Sia9wkFyv6q46eMKROMLefEMTYcQNGG1KR0MQNvDFNxiL9Y
