ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาภาคเกษตรกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ฮิลล์คอฟฟ์จึงเดินหน้าลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอแม่ริมและอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อศึกษาแนวทางการปลูก กล้วยน้ำว้าในระบบเกษตรผสมผสาน ซึ่งสามารถต่อยอดสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในระยะยาว
คุณอดิศักดิ์ ถนอมรุ่งเรือง บ้านแม่สาใหม่ อ.แม่ริม
เกษตรกรแปลงกล้วยน้ำว้าปลูกร่วมกับกาแฟอาราบิก้า
ในพื้นที่สูงที่มีร่มเงาและความชุ่มชื้นเหมาะสม กล้วยน้ำว้าถูกปลูกควบคู่กับกาแฟอย่างลงตัว กล้วยช่วยให้ร่มเงากับต้นกาแฟในระยะเริ่มต้น ขณะที่กาแฟให้ผลผลิตเสริมในระยะยาว
ปีนี้พี่อดิศักดิ์ ยังมีแผนขยายพื้นที่ปลูกกล้วยในหมู่บ้านต่ออีกหลังจากมั่นใจในตลาดกล้วยแปรรูปของฮิล์คอฟฟ์
คุณธนัท ศรีพนมยานนท์ บ้านดอนเปา อ.แม่วาง
แปลงกล้วยน้ำว้าปลูกร่วมกับทุเรียนในที่ราบเชิงเขา
เกษตรกรปลูกกล้วยแซมทุเรียนเพื่อใช้เวลารอทุเรียนให้ผลผลิตให้เกิดรายได้ระยะสั้น กล้วยสามารถเก็บเกี่ยวได้ภายในปีเดียว แน่นอนว่าการดูแลทุเรียนั้นมีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนอยู่มาก แต่มีกล้วยเป็นพืชพี่เลี้ยงนั้นทำหน้าที่ในการให้ร่มเงาทุเรียนระยะต้นปลูกใหม่ รวมถึงรักษาความชื้นและลดวัชพืชลงได้
ยกระดับคุณค่าจากสวนสู่โรงงาน พัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์แปรรูปสากล
ผลผลิตกล้วยน้ำว้าคุณภาพดีจากมือเกษตรกร ได้ถูกนำเข้าสู่กระบวนการผลิตภายใต้มาตรฐานอุตสาหกรรมในโรงงานของฮิลล์คอฟฟ์ โดยได้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยม ได้แก่ “กล้วยตากธรรมชาติ” และ “กล้วยตากเคลือบช็อกโกแลต” ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากทั้งผู้บริโภคในประเทศและตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
“ปลูกกล้วยทีแรกแค่หวังมีไว้กินบ้าง แจกบ้าง แต่พอรู้ว่ามีโรงงานรับซื้อเพื่อแปรรูปแบบนี้ เราก็มีกำลังใจดูแลมากขึ้น เพราะรู้ว่าผลผลิตจะถูกใช้คุ้มค่าจริงๆ และเป็นรายได้เสริมให้สวนของผม” — คำพูดจากเกษตรกรในพื้นที่
การลงพื้นที่ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของเกษตรกรในการปรับตัวและบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านการปลูกพืชร่วมอย่างมีระบบ ตลอดจนพลังของการเชื่อมโยง เกษตรต้นทาง สู่การแปรรูป และตลาดปลายทาง อย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่มั่นคง และส่งเสริมความยั่งยืนให้กับเกษตรกรในระยะยาว
