เพื่อประเมินความสอดคล้องตามข้อกำหนดของการผลิตกาแฟอินทรีย์ (Organic Coffee) โดยกระบวนการตรวจสอบครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การรับวัตถุดิบ การแปรรูป การบรรจุ ไปจนถึงระบบควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร


ประเด็นสำคัญในการตรวจติดตาม
• การแยกสายการผลิต (Segregation & Contamination Control) :
แยกกระบวนการผลิตกาแฟอินทรีย์ออกจากกาแฟทั่วไป เพื่อป้องกันการปนเปื้อน
• การตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) :
ครอบคลุมตั้งแต่แหล่งปลูกจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
• การจัดการพื้นที่และคลังวัตถุดิบ :
ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของ Organic Standard
• การควบคุมสารเคมี :
ห้ามใช้สารสังเคราะห์และวัตถุดิบเสริมที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
• การบันทึกข้อมูล (Record Keeping) :
ต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเก็บอย่างเป็นระบบ
แม้ระบบการผลิตอาจดูคล้ายกับมาตรฐานโรงงานอาหารปลอดภัยทั่วไป แต่ในความเป็นจริง “สินค้าอินทรีย์” มีความแตกต่างและให้คุณค่าเพิ่มเติมทั้งในเชิง สุขภาพ และ สิ่งแวดล้อม
ความแตกต่างของกาแฟอินทรีย์และกาแฟทั่วไป
1. กระบวนการผลิต (Production System)
• อินทรีย์ : ใช้หลักเกษตรอินทรีย์ ห้ามใช้สารเคมีสังเคราะห์ ปุ๋ยเคมี และยาปราบศัตรูพืช อาศัยวิธีธรรมชาติ เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด และชีวภัณฑ์
• ทั่วไป : พึ่งพาปุ๋ยเคมีและสารกำจัดศัตรูพืชเพื่อเพิ่มผลผลิต
2. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact)
• อินทรีย์ : ลดการปนเปื้อนสารเคมีในดิน น้ำ อากาศ รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกบางส่วน
• ทั่วไป : เสี่ยงต่อการทำลายสมดุลธรรมชาติ เช่น ดินเสื่อม น้ำเสีย และกระทบแมลงที่เป็นประโยชน์
3. คุณภาพและความปลอดภัย (Quality & Safety)
• อินทรีย์ : ปลอดจากสารเคมีตกค้าง มักมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) สูงกว่า และเน้นความปลอดภัยของผู้บริโภค
• ทั่วไป : แม้ผ่านการควบคุมคุณภาพ แต่มีโอกาสพบสารเคมีตกค้างมากกว่า
4. มาตรฐานและความน่าเชื่อถือ (Certification & Trust)
• อินทรีย์ : ต้องผ่านการตรวจรับรองอย่างเข้มงวดจากหน่วยงาน เช่น กรมวิชาการเกษตร หรือมาตรฐานสากล (EU Organic, USDA Organic)
• ทั่วไป : ไม่จำเป็นต้องผ่านการรับรองที่เข้มงวดเท่ากับอินทรีย์ ทำให้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจในระบบการผลิต
5. ผลต่อสุขภาพระยะยาว (Health Impact)
• อินทรีย์ : ลดความเสี่ยงจากการสะสมของสารพิษเรื้อรัง และช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ยั่งยืน
• ทั่วไป : แม้ปลอดภัยในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ยังมีความเสี่ยงจากการบริโภคสะสมในระยะยาว
ความมุ่งมั่นของฮิลล์คอฟฟ์
การตรวจติดตามในครั้งนี้ถือเป็นการยืนยันว่าโรงงานแปรรูปกาแฟฮิลล์คอฟฟ์ ยังคงรักษามาตรฐานการผลิตกาแฟอินทรีย์ที่ ปลอดภัย โปร่งใส และเชื่อถือได้ เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกาแฟไทยให้เติบโตบนพื้นฐานของความยั่งยืน


