


ในปี 2564 ฮิลล์คอฟฟ์ ได้เริ่มส่งเสริมการปลูกอะโวคาโดสายพันธุ์ ‘แฮส’ (Hass) ให้กับเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมุ่งเน้นในพื้นที่ที่มีความจำเป็นในการปรับปรุงสมดุลย์ระบบนิเวศน์ จากการทำพืชไร่มาหลายสิบปี
บ้านขุนคอง เกษตรกรเริ่มเปลี่ยนผ่านจาก ระบบเกษตรเชิงเดี่ยวมาสู่ระบบเกษตรแบบผสมผสาน (Agroforestry) โดยมีการปลูก ต้นอะโวคาโด, ลูกพลับ, บ๊วย, กล้วยน้ำว้า, มะขามป้อม แทรกในแปลงกาแฟ เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศน์และเพิ่มรายได้ทางเลือก
อะโวคาโดสายพันธุ์ ‘แฮส’ (Hass) สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่สูงของไทย เนื่องจากอากาศเย็น มีการระบายน้ำดี ผลผลิตมีลักษณะเด่นหลายข้อ
ผลมีเปลือกหนา ผิวขรุขระ สีเขียวเข้มจนเกือบดำเมื่อสุก
- เนื้อสีเหลืองครีม รสมัน และกลิ่นหอม
- เมล็ดขนาดเล็ก ให้เนื้อผลมาก
- มีความนิยมในตลาดทั่วโลก
เส้นทางการเริ่มต้นอาจไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ การศึกษา สังเกต เรียนรู้ปัญหาของต้นยังเป็นเรื่องสำคัญ อาการที่พบในแปลงอะโวคาโดของเกษตรกรในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ได้ผลผลิตเป็นปีแรก



โรคใบจุดสนิม (Rusty Spot / Avocado Rust)
สาเหตุ จากสาหร่ายชนิดหนึ่ง (Cephaleuros virescens) เกิดขึ้นบนใบและกิ่งของต้นไม้ โดยมีลักษณะเริ่มต้นเป็นจุดหรือวงสีเทาอ่อนปนเขียว
แนวทางแก้ไขที่แนะนำเกษตรกร
- ตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง ลดความชื้นสะสม
- ใช้สารชีวภัณฑ์หรือสารเคมีที่เหมาะสมภายใต้หลัก IPM
- เฝ้าระวังและเก็บกวาดใบที่หล่นทิ้งอย่างเหมาะสม
โรคแอนแทรคโนส (Anthracnose) และโรคเน่าคอดิน (Phytophthora Root Rot)
สาเหตุ เนื่องจากหลังการเริ่มติดดอก-ออกผลของ อะโวคาโด้ จำเป็นต้องใช้พลังงานและธาตุอาหารจำนวนมากเพื่อเลี้ยงผล เมื่อปัจจัยดิน น้ำ ธาตุอาหารไม่เพียงพอ จะส่งผลให้แสดงอาการเครียดสะสมของต้นอะโวคาโด้ ทำให้พืชอ่อนแอ จึงง่ายต่อการเข้าทำลายของโรคในดิน โดยเฉพาะเชื้อรา
แนวทางแก้ไขที่แนะนำเกษตรกร
- ปรับปรุงระบบระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วมขัง
- ใช้เชื้อรา Trichoderma หรือชีวภัณฑ์ป้องกันโรครากเน่า
- หลีกเลี่ยงการให้น้ำมากเกินไปในช่วงติดผล
แนวทางส่งเสริมและพัฒนาต่อไปสำหรับแปลงกาแฟที่กำลังอยู่ในระยะปรับเปลี่ยนจากพืชไร่เชิงเดี่ยว ยังคงต้องพัฒนาองค์ความรู้ด้าน การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (IPM) ให้แก่เกษตรกร