Hillkoff ร่วมกับ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) เดินหน้าสานต่อภารกิจความร่วมมือ (MOU) ประจำปี 2568 ในการพัฒนา “กาแฟอาราบิกา” และ “พืชท้องถิ่น” บนพื้นที่สูงให้เติบโตอย่างยั่งยืน
การประชุมในครั้งนี้ คือการสรุปภาพรวมของความก้าวหน้า พร้อมเดินหน้าตอบโจทย์อนาคต
โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการ…
• ยกระดับมาตรฐานการผลิต
• พัฒนาตลาดและช่องทางจัดจำหน่าย
• เพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตท้องถิ่น
• สร้าง “คุณค่าร่วม” ระหว่างธรรมชาติ ผู้คน และธุรกิจ
แต่เส้นทางสู่ “ความยั่งยืน” นั้นไม่ง่ายเลย…
เพราะยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่ฝังรากลึกในระบบเกษตรบนพื้นที่สูง
• สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ภัยธรรมชาติที่ไม่คาดคิด
• ดินเสื่อมโทรมจากเกษตรเคมีในอดีต ขาดความสมดุลของจุลินทรีย์และคุณค่าธรรมชาติ
• เกษตรกรที่ยังต้องปรับตัว เรียนรู้วิถีใหม่ไปพร้อมกับรายได้เพื่อหล่อเลี้ยงครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบทุกวัน
และอีกหนึ่งความท้าทายที่มาถึงแล้ว หลังจากการประกาศมาตรการกฎระเบียบของสหภาพยุโรป (EU) ที่กำหนดให้สินค้าโภคภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ที่เข้าหรือออกจากตลาด EU ต้องไม่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าหรือทำให้ป่าเสื่อมโทรมหลังจากวันที่ 31 ธันวาคม 2020 โดยผู้ประกอบการต้องดำเนินการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) เพื่อยืนยันว่าสินค้ามาจากแหล่งที่ดินที่ปราศจากการทำลายป่าและผลิตตามกฎหมายท้องถิ่น
สินค้า 7 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ไม้, ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน, ถั่วเหลือง, กาแฟ, โกโก้ และวัว
จึงเป็นประเด็นสำคัญของความร่วมมือกันเฉพาะกิจสำหรับกาแฟอินทรีย์ – GAP ของไทย นับเป็นอีกวาระสำคัญในการหารือครั้งนี้ เพราะ “กาแฟที่ดี” ต้องเริ่มจาก “ชุมชนและธรรมชาติที่ยั่งยืน” และ Hillkoff จะยังคงก้าวไปข้างหน้า เคียงข้าง สวพส. เกษตรกร และผืนป่าของไทย
